IoT หรือ Internet of Things คืออะไร

          IoT เชื่อได้เลยว่าทุกคนต้องได้ยินคำนี้กันบ่อยมากๆ ปัจจุบัน IoT เข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตมากทีเดียว ก่อนอื่นขอพาไปรู้จักกับความหมายที่แท้จริงของ IoT คือ (อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง) Internet of Things (IoT) หมายถึง โครงข่ายสื่อสารที่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ สื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ อาคารสิ่งก่อสร้าง หรือวัตถุอื่นๆ โดยอาศัยการฝังระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์เซนเซอร์ และส่วนเชื่อมต่อโครงข่าย ที่จะช่วยให้อุปกรณ์และวัตถุดังนั้นสามารถเก็บ หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ ในปัจจุบัน คำว่า “Things” ใน Internet of Things นั้นสามารถมีความหมายครอบคลุมกว้างขวาง ตั้งแต่อุปกรณ์สื่อสารหลากหลายชนิด เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น พัดลม ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ทีวี ไปจนถึง ระบบอากาศยาน แผงโซล่าเซลล์ วาล์วจ่ายน้ำ และแผงวงจรขนาดเล็กที่ฝังลงในปศุสัตว์ ฯลฯ หากจินตนาการแคปลงมาหน่อย เราจะเห็นได้ว่ามีผู้คนจำนวนมากอาจตื่นขึ้นจากการปลุกของนาฬิกาข้อมือ ที่สามารถบันทึกข้อมูลการนอนของผู้ใช้งาน รวมถึง วงจรการนอน ระยะเวลาที่หลับลึก เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานได้วิเคราะห์ประสิทธิภาพการนอนของตัวเอง อุปกรณ์ดังกล่าว ยังสามารถเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย ความดันโลหิต จังหวะการเต้นของตัวใจ พร้อมทั้งข้อมูลการออกกำลังกายต่างๆ

         จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี IoT ก้าวหน้าไปมากไม่ใช่แค่การใช้งานในชีวิตประจำวันเท่านั้น ยังสามารถใช้ในอุตสาหกรรมอื่น อย่าง  Smart Farm, Smart Building, Smart City รวมถึง Smart Factory ยกตัวอย่างเช่น…..

         -Smart Home
เทคโนโลยี IoT จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันภายในที่อยู่อาศัย โดยอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ จะสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ หลอดไฟ เครื่องเสียง กลอนประตูไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยภายในบ้าน เครื่องซักผ้า หรือแม้กระทั่งแปรงสีฟัน เราจะสามารถควบคุมระบบต่างๆ ภายในบ้านได้ผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น เปิดปิดเครื่องปรับอากาศ หรือเปิดปิดไฟ ซึ่งการใช้งาน IoT ภายในบ้านในรูปแบบใหม่ๆดังกล่าว จะสามารถช่วยให้เราจัดการชีวิตได้ง่ายมากขึ้นโดยเฉพาะการลดเวลาในการทำงานบ้าน รวมถึงอาจมีประโยชน์ในด้านการประหยัดพลังงานและการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น

         -Smart Farm
การเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) อาศัยการทำงานร่วมกันของระบบเซนเซอร์ที่วัดความชื้น ปริมาณแสงแดด อุณหภูมิ ระบบฐานข้อมูลพืช และระบบการให้น้ำ ปรับปริมาณแสง และระบบปรับอุณหภูมิ ที่ทำงานสอดคล้องกันเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชมากที่สุด ระบบดังกล่าวยังช่วยให้เกษตรกรสามารถประมาณการช่วงเวลาเก็บเกี่ยวและปริมาณพืชผลที่จะได้อีกด้วย การดูแลด้วยระบบ Smart Farm Smart Farm จะช่วยให้เราให้เราควบคุมการผลิตได้เป็นอย่างดี และลดความเสียหายของผลผลิต ส่งผลให้การบริหารของเกษตรกรมีกำไรมากขึ้นอีกด้วย

         -Smart Factory
ระบบควบคุมเครื่องจักรกลการผลิตอัตโนมัติและการใช้หุ่นยนต์เป็นเครื่องมือ ถือเป็นการพัฒนาและหัวใจสำคัญของการเพิ่มกำลังการผลิต Smart Factory จะเป็นโครงข่ายข้อมูลขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องวัด และระบบการควบคุมในระบบอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน การส่งข้อมูลผ่านโครงข่ายจะช่วยให้อุปกรณ์และระบบต่างๆ มีการทำงานที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงโดยไม่ต้องใช้แรงงานคน การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ สภาพของเครื่องจักรเช่น อุณหภูมิ การสั่น การทำงานต่างๆ จะช่วยตรวจสอบความผิดปกติของ เครื่องจักรได้แล้ว ยังช่วยคาดการณ์เวลาที่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่ของอุปกรณ์เมื่อชำรุด ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างร้านสะดวกซื้อ ระบบโลจิสติกส์ และโรงงาน จะช่วยให้สามารถบริหารการผลิตและกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

         นี้เป็นแค่ตัวอย่าง ที่ระบบ IoT เข้ามาช่วยให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้น ระบบการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสียหายหรือป้องกันอันตรายได้ ปัจจุบัน IoT ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการใช้ใน ระบบการขนส่งการคมนาคม ระบบในโรงพยาบาล การเกษตรและอุตสาหกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย เดี่ยวครั้งหน้ามีอะไรใหม่ๆ แอดมินจะมาเล่าให้ฟังกันอีกนะคะ ชีวิตเราจะง่ายและดีขึ้นอย่างแน่นอน หากลูกค้าสนใจอยากปรึกษาให้เทคโนโลยีพัฒนาธุรกิจของท่าน สามารถติดต่อเรา GeniusSoft Thailand ได้ทุกช่องทางค่ะ #MakeItBeGenius

Contact Us